จริง ๆ ดาวมันก็ไม่ได้โคจรวิปริตแต่อย่างใด แต่เพราะในอดีตเราคำนวณโดยเอาโลกเป็นจุดศูนย์กลาง
เลยเห็นว่าดาวมันถอยหลังหรืออยู่นิ่งได้ แต่ถ้าถามว่าจะทายอย่างไร ขอเสนอให้ทายว่าความรู้สึกเปลี่ยนไป
เช่น เมื่อดาวเป็นคนในช่วงที่ ดาวใหญ่เล็งเป็นบริวารก็อาจทายว่า รู้สึกดี แต่หากจรถอยหลังความรู้สึกก็เปลี่ยนไป
วันที่ผมเขียนมีวิกฤตเรื่องโควิดอยู่นะครับ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับผมคือรายได้หายไปครึ่งหนึ่ง โดยเริ่มจากเดือน เม.ย.63 ซึ่งประจวบเหมาะกับการดาวพฤหัสโคจรเข้าราศีมังกรเป็นนิจ ปีนี้ตามทักษาจรพฤหัสเป็นศรี ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าถ้าพฤหัสได้ตำแหน่งไม่ดีผมจะมีปัญหาเรื่องการเงิน คำถามคือเรื่องนี้เกี่ยวกับโควิดอย่างไร ดาวพฤหัสจะถอยหลังกลับเข้าสู่ราศีธนูในช่วงเดือน ก.ค. แสดงว่าปัญหาโควิดนี่จะเกิดไม่เกิน มิ.ย.ปัญหาจะหายไป อันนี้ดูจากพื้นดวงของผมคนเดียวอาจจะไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ แต่แฟนผมลัคนาราศีมิถุน ดาวพฤหัสเป็นเจ้าเรือนปัตนิได้ดำแหน่งนิจโดยปกติผมจะให้เงินแฟนทุกเดือนพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ต้องบอกตรง ๆ ว่าให้เงินไม่ได้ แต่โชคดีที่ทำงานกันทั้งคู่หนี้สินไม่มีทำให้ไม่มีปัญหาการเงินหนักเท่าไหร่ พอพฤหัสย้ายเรือนกลับปัญหาที่ให้เงินกับแฟนไม่ได้ก็จะหายไปด้วย แสดงว่าเรื่องนี้ควรจบที่เดือน มิ.ย.
ทีนี้เปลี่ยนมาเรื่องหลักโหราศาสตร์บ้าง โดยสรุปเลยหากดาวทำหน้าที่เป็นศรี เดช มนตรี ได้ตำแหน่งไม่ดี(นิจประ)จะให้โทษ(โทษในที่นี้ยังเป็นโทษที่ฝ่าฟันไปได้คือถึงจะให้โทษแต่ให้โทษไม่เยอะ) หากไม่ได้ตำแหน่งมาตรฐานอะไรเป็น ศรีเดช มนตรีให้คุณ หากเป็นกาลีให้โทษ เรื่องนี้เคยเกิดกับดาวเสาร์ที่เป็นปัตนิเป็นกาลีจรเข้าภพอริ ปรากฎว่าผมกับแฟนมีปัญหากันเรื่องสร้างบ้านพอสร้างเสร็จก็จบพร้อมกับดาวเสาร์ที่เปลี่ยนหน้าที่เปลี่ยนราศี โดยสรุปตรงนี้จะได้หลักว่าดาวกาลีเป็นอริให้โทษจะหนักจะเบาแล้วแต่มาตรฐาน
แต่ในกรณีที่ดาวกาลีเป็นนิจประในภพที่ไม่ใช่ทุสถานภพ ไม่เป็น 6 8 12 ต่อลัคนาแบบนี้ให้โทษครับ คือตัวดาวเองไม่มีกำลังแล้วยังทำหน้าที่ไม่ดีอีกด้วย แต่หากดาวกาลีเป็นเกษตรหรืออุจน์หากไม่อยู่ในทุสถานภพยังให้ทั้งโทษและคุณแบ่ง ๆ กันไปไม่ได้ให้แต่โทษอย่างเดียว
หลายคนไม่เชื่อเรื่องโหราศาสตร์ถามว่าทำไมทำนายเรื่องโควิดไม่ได้ ซึ่งผมก็คงตอบแบบง่าย ๆ ก็ชีวิตคนเราผ่านเรื่องราวมาเรื่องบางเรื่องอาจะไม่เคยเกิดกับชีวิตมาก่อนย่อมไม่ทราบความหมายของดาวเมื่อทำหน้าที่ต่างกันโคจรเข้าภพต่างกันเมื่อเกิดเหตุแล้วถึงจะได้เข้าใจว่าความหมายคืออะไร เพราะเหตุที่ไม่มีประสบการณ์จึงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อทราบแล้วก็จะสามารถคาดเดาอนาคตได้ เช่น ผมต้องระวังดาวพฤหัสตอนตำแหน่งเสียผมจะมีปัญหาเรื่องเงินเป็นต้น
ต้องเกริ่นก่อนว่าตอนหนุ่ม ๆ (ตอนนี้ก็หนุ่มอยู่นะ)ผมค่อนข้างสนใจว่าจริง ๆ แล้วชีวิตเราถูกกำหนดมาหรือว่าจริง ๆ แล้วเรามี
free will กันแน่ก็เลยศึกษาโหราศาสตร์ไทย ไอ้ที่เป็นแผนผังกลม ๆ ที่มีตัวเลย 1-0 เขียนอยู่นั่นแหละครับ ก็สนใจอยู่พักใหญ่ ๆ
ก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่เข้าใจคอนเซปท์พื้นฐานของมัน
ประเด็นคือการอ่านดวงแบบปกติที่ทำกัน ไม่ว่าจะเป็นของหมอเถาหรืออะไรค่อนข้างเข้าใจยากอยู่พอสมควรแล้วต้องมีการตีความ
แต่จากการสังเกตของผม พบว่าจริง ๆ แล้วถ้าจะอ่านให้ตรงต้องอ่านในลักษณะนี้ครับ ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นผลมาจากการสังเกตนะครับ
เพราะฉะนั้นอาจจะไม่ครบทุกกรณี เช่น ภพผมจะเน้นภพที่สามารถโยงไปเป็นคนได้ เช่น สหัชชะ พันธุ ปัตนิ ส่วนทักษาจะเน้นที่ ศรี มนตรี กาลี
ซึ่งการอ่านแบบนี้จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของดาวที่เป็นเกษตร ซึ่งไม่รู็จะทายกันยังไงถ้าใช้ภพผสมภพ แต่ถ้าอ่านแบบนี้จะเข้าใจได้ครับ
– ภพเป็นตัวบอกคนกระทำครับ เช่น สหัชชะ คือพี่น้อง พันธุคือแม่ ปัตนิหมายถึงคู่ครอง
– ทักษา เป็นการบอกการกระทำโดย ศรีคือคนที่ยกระดับจิตใจเราให้สูงขึ้นเป็นผู้ใหญ่ขึ้นครับ มนตรีมีหน้าที่ยกระดับฐานะที่ทางกายภาพให้ดีขึ้นครับ
– ส่วนกาลีคือความต้องการเห็นเราล้มเหลว
ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีพันธุเป็นมนตรีเป็นเกษตร ต้องตีความว่าจะมีแม่(พันธุ)ที่ดีคอยช่วยเหลือ(มนตรี)อยู่ตลอดเวลา(เกษตร) ซึ่งถ้าอ่านตีความแบบปกติ
เราอาจจะตีความไปว่าทางบ้านมีฐานะดีซึ่งจะไม่ได้อธิบายอะไร ทีนี้มาเรื่องศรี ศรีเป็นอะไรที่ค่อนข้างจับต้องไม่ได้คือมีหน้าที่ยกระดับจิตใจ
คือถ้าเป็นคนก็จะเป็นคนที่ทำให้คุณเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คือยกระดับจิตใจขึ้นแต่ไม่ได้ช่วยเหลือทางด้านกายภาพจะเห็นว่าศรีมนตรีทำหน้าที่ต่างกัน
ดังนั้นถ้าจะดูว่าใครเริ่มเป็นผู้เป็นคนเมื่อไหร่ให้ดูที่ศรี ภพอะไรมาเป็นศรีเช่น ศรีเป็นพันธุคุณมีพ่อแม่ที่ดีเลี้ยงคุณมาให้เป็นคนเต็มคน
ถ้าศรีเป็นปัตนิคุณจะเริ่มเป็นผู้เป็นคนเมื่อเจอคู่ครอง กรณีปุตตะเป็นศรีก็จะเป็นผู้เป็นคนเมื่อมีลูกไปแล้ว ดังนั้นจะเห็นว่าศรีก็ดีมนตรีก็ดียิ่งเจอเร็วที่ไหร่ยิ่งดี
คือถ้าดาวดวงไหนเป็นศรีเป็นมนตรีให้ทายว่าดีไว้ก่อนครับต่อให้มาตรฐานดาวไม่ดีก็ต้องทายเป็นบวกไว้ก่อน แต่มาตรฐานก็ต้องเอามาขยายความถี่ความบ่อย
ของการเป็นศรีเป็นมนตรีครับ
ต่อมาคือกาลี กาลีพูดกันตรง ๆ ก็คือถ้าเป็นคนก็จะเป็นที่อยากเห็นคุณแพ้อยากเห็นคุณล้มเหลว เช่น พันธุคือกาลีชีวิตคุณแย่หน่อยแม่อยากเห็นคุณแพ้
สหัชชะก็คือพี่น้องอยากเห็นคุณแพ้ ง่าย ๆ แบบนี้ครับ ถ้ากาลีเป็นเกษตรก็คือเค้าอยากเห็นคุณแพ้ตลอดเวลา
แต่ตัวกาลีเองจะมีศรีเป็นตัวแก้ครับ ยกตัวอย่างเช่นคุณมีกาลีเป็นตนุเศษคือคุณเป็นคนที่มีความคิดแบบ self-defeating อยู่ตลอดเวลานั่นอาจจะทำให้
คุณทำอะไรไม่สำเร็จแต่เมื่อคุณเจอศรี ซึ่งอาจจะเป็นปัตนิเค้าจะช่วยให้คุณผ่านความคิดแบบนั้นไปได้ครับ
แถมอีกหน่อยครับเรื่องภพวินาศ ภพวินาศคนอาจจะทายไปเรื่อยไปเทื่อยเพราะตีความได้เยอะ เช่น ความลับ ความวิบัติ ถ้าจากการสังเกตของผมจะเจอว่า
วินาศหมายถึงไม่สนใจครับ เช่น สหัชชะ วินาศ(เกษตร) โดยที่สหัชชะเป็นกาลี ต้องอ่านว่า พี่น้อง(สหัชชะ)อยากเห็นเราล้มเหลว(กาลี)อยู่ตลอด(เกษตร)แต่เราไม่ใส่ใจ(วินาศ)ครับ
ดังนั้นถ้าจะบอกว่ากาลีตกวินาศดีหรือเสียต้องตอบว่าดีครับ แปลว่าเราไม่ใส่กาลีครับ ดวงบางคนจะโชคดีแบบนี้ครับชีวิตจะมีแต่เดินหน้าเพราะไม่มีใครบั่นทอนกำลังใจเขาได้ครับ
อ่ออีกข้อที่ผมสังเกตได้ก็คือ อริเป็นมนตรีต้องทายว่าดีครับ คนแบบนี้คือคนที่คนรุ่นก่อนขัดแย้งกันแต่พอคนรุ่นนี้เกิดมาต่างฝ่ายต่างรัก
เจ้าชะตาครับทำให้แม้แต่อริก็ยังเป็นมนตรีได้ครับ
Recent Comments