Hakbyist

จริง ๆ เพิ่งเขียนเรื่องนี้ไปแล้วก็เขียนผิดไปเรื่องหนึ่งคือ เรื่องที่บอกว่ายังไม่มีกฎหมายว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการลักพาตัวเด็กทางแพ่งครับ ซึ่งจริง ๆ มีแล้วครับ ซึ่งตัวกฎหมายนี้ออกในสมัยนายกหญิงที่ดีที่สุดเท่าที่ไทยเคยมีมาครับ ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นาน ๆ ทีก็ขอชมแกหน่อยซึ่งไม่รู้ว่าแกรู้มั้ยว่าแกเซนต์สนองฯ เรื่องอะไรไป คร่าว ๆ แล้ว พ.ร.บ.ตัวนี้ก็ให้อำนาจ อสส. ในการสืบหาที่อยู่และพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้อำนาจมหาดไทยในและตร.ในการสืบหาที่อยู่ของเด็กนะครับ ซึ่งพอใช้ไปแล้วเดี๋ยวก็ต้องเจอปัญหาต่าง ๆ เช่น เด็กไทยแม่หนีพ่อต่างชาติมาไม่มีคำพิพากษาให้บุตรอยู่ใต้ความปกครองของฝ่ายใดฝ่ายเดียว อสส. จะทำอย่างไร ซึ่งอันนี้ไม่ยากแต่ถ้าเด็กสัญชาติไทยศาลต่างประเทศพิพากษาให้อยู่ภายใต้ความปกครองของอีกฝ่ายซึ่งเป็นต่างด้าว ทีนี้แหละยากครับจะทำไงแล้วถ้าฝ่ายหญิงฟ้องทางแพ่งศาลไทยตัดสินอีกอย่างจะทำอย่างไร แต่อย่างไรก็ดีวัตถุประสงค์ของกฎหมายคือการให้ประโยชน์เกิดต่อตัวเด็กอย่างสูงสุดซึ่งคงไม่ใช่เรื่องยากในการพิจารณาเท่าไหร่

ช่วงนี้มีข่าวเรื่องการประท้วงของชาวปาเลสไตน์กับชาวยิวอีกแล้วนะครับ จริง ๆ จนถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้ผมยังเคย defend เรื่องการก่อตั้งรัฐของชาวยิวว่าชอบธรรมเนื่องจากซื้อที่ดินจากชาวปาเลสไตน์แล้วซึ่งจริง ๆ มันผิดนะครับ

ซึ่งผมเข้าใจผิดนะครับ เพราะพอได้เรียนกฎหมายระหว่างประเทศเราจะเข้าใจว่าการซื้อขายที่ดินไม่ใช่การให้อำนาจอธิปไตยเหนือที่ดินนั้นแก่ใคร เพราะฉะนั้นการที่ชาวยิวแม้จะซื้อที่ดินแล้วก็ตามทีก็ไม่สามารถก่อตั้งรัฐของตัวเองขึ้นมาเหนือที่ดินนั้นได้ ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ชาวปาเลสไตน์คิดไม่ถึง ซึ่งก็เป็นหลักปกติตามกฎหมายทั่วไป เช่น ไทยชาวต่างชาติสามารถซื้อที่ดินได้ แต่เขาเองก็ไม่มีอำนาจอธิปไตยเหนือที่ดินนั้น ที่ดินนั้นก็ยังคงอยู่ใต้อธิปไตยของไทยอยู่เหมือนเดิม เพราะงั้นประเด็นที่จะ defend ความชอบธรรมของยิวที่ไปตั้งประเทศตรงนั้นโดยเอาเรื่องการซื้อที่ดินมาอ้างก็ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายครับ

อ่อ ผมไปค้นอีกหน่อยก็เห็นว่าเอาเข้าจริงที่ดินตรงนั้นมันไม่มีรัฐอะไรตั้งอยู่นะครับ ตัวปาเลสไตน์เองก็ยังไม่ได้เป็นรัฐ เพราะว่าคอนเซปท์ของรัฐมันยังไม่เกิดรึเปล่า ราว ๆ 1950 คือต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีสิทธิทางทะเบียนหรือไม่มีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนทั้งคู่ ก็มองว่าอาจจะแฟร์ก็ได้เรื่องที่อิสราเอลซื้อที่ดินตรงนั้น