Home > Self-Change > 3 สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากวิกฤต COVID-19

3 สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากวิกฤต COVID-19

April 3rd, 2020
  1. ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน บางสิ่งที่เราไม่คาดว่าจะเกิดใช่ว่าจะไม่เกิด ก่อนหน้านี้หลังการมาของ shale gas ทำให้ราคาน้ำมันตกทำให้ผมคิดว่าวิศวฯ ปิโตรกลายเป็นสาขาที่เสื่อมความนิยมลงธุริจเกี่ยวกับน้ำมันไม่แน่ว่าต้องใช้เวลาปีอีกปีถึงเฟื่องฟูอีกครั้ง แต่ราคาน้ำมันก็กลับมายืนที่ 50 USD ได้แต่วันนี้ที่ผมเขียนราคาน่าจะอยู่ราว ๆ 20 USD เพราะซาอุไม่ยอมลดกำลังการผลิต ตอนนั้นผมคิดว่านักบินนี่ซิคืออาชีพที่ควรเป็นเพราะแน่นอนยังไงคนก็ต้องบินโลกเราขาดนักบินไม่ได้ แต่วันนี้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ไม่มีเที่ยวบินขึ้นลงจากต่างประเทศแม้แต่เที่ยวบินเดียว นี่ทำให้ผมคิดได้ว่าความเชื่อที่ว่าอาชีพนั้นมั่นคงแบบถาวรตลอดไปเป็นเรื่องไม่จริง หลังจากที่เกิดความกลัวว่าโรคจะแพร่ระบาดทำให้สายการบินต้องหยุดบินเพื่อปกป้องคนในองค์กร ข้อนี้ทำให้ผมคิดได้ว่าไม่ว่าอาชีพอะไรก็ต้องมีทางหนีทีไล่ ต้องมีทักษะอื่นที่งอกออกมานอกจากงานประจำของเรา
  2. เราต้องมีสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำที่มีความคล่องตัวสูงซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเงินไว้ใช้จ่ายในเวลาวิกฤตได้ วิกฤตครั้งนี้ทำให้ผมต้องเวรคืนกรมธรรม์มาใช้จ่ายก่อนยังดีที่น่าจะเท่าทุน แต่ตรงนี้ทำให้ผมคิดว่าการทำประกันออมทรัพย์เป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย เสียเวลาในการลงทุนโดยได้ดอกผลน้อย การเวรคืนอาจจะใช้เวลา 14 วันซึ่งนานมาก ๆ เมื่อเทียบกับการฝากสหกรณ์ในรูปแบบบัญชีออมทรัพย์ กรมธรรม์นี้ผมจ่ายมาทั้งหมด 10 ปี ได้เงินคืนมาราว ๆ 67,000 บาทโดยไม่รวมปันผล ถ้ารวมนี่จะเท่ากับว่าผมเสียเวลา 10 ปีไปแทบจะเปล่า ๆ โดยหากเปลี่ยนเป็นการฝากออมทรัพย์สหกรณ์ผมจะได้ดอกเบี้ยราว ๆ 13,000 บาท ข้อดีอีกอย่างคือความคล่องตัวสูงว่าสามารถถอนได้ในวันจันทร์-ศุกร์ ไม่ต้องทำเรื่องให้วุ่นวาย โดยสรุปแล้วผมเลยคิดออกว่าเงินที่เราฝากนั้นไม่จำเป็นต้องฝากทุกเดือนเพียงแต่ฝากรายปี ๆ ละ 1 หมื่นเป็นเงินสำรองยามฉุกเฉินก็พอ เงินส่วนอื่นก็เอาไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อที่จะให้ดอกผลในระยะยาวจะดีกว่า
  3. คนมักกลัววิกฤตแต่ในวิกฤตมีโอกาสเสมอ ผมเห็นความถอดถอยในตลาดทุน ทั้ง ๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นเรื่องชั่วคราว หลาย ๆ คน แนะนำให้ถอนเงินสดออกมาจากตลาดทุนแต่ผมกลับเห็นตรงกันข้ามคือต้องใส่เงินเข้าไปในเวลานี้เพื่อให้ต้นทุนถูกลง ดัชนีตลาดฯจากพันปลาย ๆ ตกมาเหลือเกือบพันถ้วนถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเก็บหน่วยลงทุนในราคาถูก แต่ขณะเดียวกันก็เห็นว่าการลงทุนใน RMF เองทำให้พลาดโอกาสที่จะทำกำไรอย่างมหาศาลไปถ้าผมไม่กลัวเรื่องการคืนเงินภาษีคงเปลี่ยนหน่วยลงทุนเป็นเงินสดก่อนหน้านี้แล้วช้อนซื้อในช่วงที่ราคาถูกจริง ๆ ข้อนี้ยังพันกับข้อที่ 2 ด้วยตรงที่เงินที่ใช้ในเวลาฉุกเฉินสามารถเปลี่ยนเป็นเงินลงทุนในวิกฤตได้ด้วยเช่นกัน ทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนในระยะยาวได้
Categories: Self-Change Tags:
Comments are closed.