อาการสมองเสื่อมคือสัญญาณเตือนว่าจะเสียชีวิต

November 4th, 2020 Comments off

ผมพึ่งเสียยายไปวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมานี้ ผมค่อนข้างผูกพันกับแกมาก แกเลี้ยงผมมาตั้งแต่เกิด แกชอบพูดว่าอย่างเดียวที่ไม่ได้ทำให้ผมก็คือคลอดผมออกมา แกเสียชีวิตด้วยปอดอักเสบเนื่องจากโรคชรา (โรคชราในที่นี้หมายถึงอาการเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ที่ไม่สามารถรักษาได้และนำไปสู่การเสียชีวิต) ในช่วงสุดท้ายของชีวิตแกผมอยู่กับแกประมาณหกเดือน เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่บอกว่าแกใกล้เสียเต็มทีแล้ว ถ้าจะมีอะไรที่ผมสามารถจะแบ่งปันให้คนอื่นได้ก็คือ ผมอยากจะเตือนว่าอาการสมองเสื่อมนั้นสามารถบรรเทาได้ และสามารถสังเกตเห็นได้เมื่อเริ่มมีอาการ การรีบไปพบแพทย์จะช่วยยีดอายุคนที่คุณรักได้นานกว่าปล่อยไว้เฉย ๆ แน่นอน

ผมจะขอแบ่งช่วงเวลาก่อนที่แกจะเสียชีวิตเป็น 3 ช่วงดังนี้


1. ล้มครั้งแรกแล้วกลับมาแข็งแรงกลับไปมีชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีอาการปอดอักเสบ

2. ล้มครั้งที่สองและมีอาการปอดอักเสบครั้งนี้เข้า ICU ไปหนึ่งเดือนแล้วไม่สามารถเดินได้ ติดเครื่องช่วยหายใจแบบไฟฟ้า

3. เกิดอาการปอดอักเสบเข้า ICU อีกครั้ง หมอไม่สามารถรักษาได้ต้องพาแกกลับมาที่บ้านเพื่อให้ดูใจกันครั้งสุดท้าย

ก่อนช่วงที่หนึ่งผมอยู่คนละบ้านกับแก แกนอนคนเดียวสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติสามารถปั่นรถจักรยานได้ ผมเข้าใจว่าช่วงนี้แกมีอาการสองเสื่อมอยู่แล้วแต่ผมพลาดที่ไม่สังเกตเห็นอาการหรือสัญญาณบางอย่างไป ในระยะนี้แกไม่ได้ทานยาเพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อมแต่อย่างใด มาจนถึงช่วงที่สองถึงจะเริ่มรับประทานยา ช่วงนี้ผมได้ยินน้าบอกว่าแกเคยตืนมาตอนตีหนึ่งเพื่อซักผ้า นี่คืออาการที่บอกว่าแกเริ่มสับสนเรื่องเวลา คนเราไม่จำเป็นต้องซักผ้าในเวลานั้นแต่แกกำลังสับสน เนื่องจากแกนอนคนเดียวเลยยิ่งสังเกตยากขึ้นไปอีกเพราะหากมีคนนอนด้วยอาจจะได้ยินว่าแกเพ้อ ซึ่งหมายความว่าแกสับสนจริง ๆ

หลังจากแกล้มในห้องแกมานอนที่บ้านป้ามีผมนอนเป็นเพื่อน ผมเห็นการสับสนบ้างเล็กน้อยแต่ยังเข้าใจผิดว่าเกิดจากการที่แกเป็นโรคซึมเศร้า(แกมีปัญหากับป้าบ้าง ด้วยวิธีการพูดของป้าอาจจะทำให้แกรู้สึกด้อยค่าและนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้ผมเข้าใจว่าเรื่อง cognitive มีปัญหาเนื่องจากโรคซึมเศร้า) หลังจากแกสามารถเดินได้ก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ แต่ผมอยากบอกว่าอาการที่คนแก่ไม่อยากไปนอนที่อื่นหรือใช้ชีวิตที่อื่น คือคำเตือนอีกเช่นกันเนื่องจากเมื่อไปนอนที่อื่นแล้วจะเกิดอาการสับสนเรื่องสถานที่ เป็นอีกเรื่องที่ผมพลาดไปเหมือนกัน

หลังจากล้มอีกครั้งไปจนถึงเสียชีวิตครั้งนี้เร็วมาก ๆ คือกินเวลาแค่ไม่ถึงปี ตอนกลางคืนผมนอนเฝ้าแกสับสันเรื่องเวลา หรือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแบบเห็นได้ชัด เพ้อถึงเหตุการณ์ในอดีต ถึงได้แจ้งหมอในครั้งนี้และเริ่มทานยา แต่พักเดียวเท่านั้นก็เกิดอาการปอดอักเสบและต้องเข้า ICU มาถึงตรงนี้ผมรู้แล้วว่าแกเสียแน่ ๆ จะช้าหรือเร็วเท่านั้น เพราะเราไม่สามารถดูแลหลาย ๆ เรื่องได้ เช่นเครื่องช่วยหายใจสะอาดแค่ไหนต้องทำอย่างไรให้ปลอดเชื้อ หรือการที่แกเริ่มติดเตียงและมีแผลกดทับจะแก้ไขอย่างไร เรื่องพวกนี้นำไปสู่การติดเชื้อได้ทั้งนั้น

คำเตือนของผมก็คืออย่าประมาทเข้าใจว่าคนแก่ที่บ้านแข็งแรงเดินได้ทำกิจกรรมได้ จนละเลยอาการของสมองเสื่อมเช่น สับสนเรื่องเวลา มีปัญหาทางด้านการนอน ในตอนกลางวันเขาจะดูปกติแต่ตอนกลางคืนจะมีอาการสับสนอย่างชัดเจน หากคุณดูแลคนแก่อยู่ต้องหัดมานอนกับแกบ้างอย่างปล่อยให้นอนคนเดียวทุกวันเพราะพลาดสัญญาณเตือนแบบนี้ไป เพราะเมื่อสมองเสื่อมแล้วอวัยวะอื่นย่อมมีอาการเสื่อมด้วยจะยิ่งทำให้มีชีวิตสั้นลงไปอีก

Categories: Uncategorized Tags:

การร่างรธน.และการพัฒนาประเทศ

October 14th, 2020 Comments off

ช่วงนี้ก็มีกระแสร่าง รธน. ฉบับประชาชน ถ้าโดยส่วนตัวถามผมว่าร่าง รธน. ใหม่โดยให้ประชาชนร่างแล้วประเทศจะเจริญไหม ในบริบทนี้ผมตอบเลยว่าไม่

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า รธน. คือกฎหมายที่ว่าด้วยการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ที่เราเห็นก็คือ สส. สว. มีที่มาอย่างไร ครม. มีที่มาอย่างไร คนเหล่านี้ทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติและบริหาร จึงมีส่วนมากในการกำหนดทิศทางของประเทศ ทีนี้หลายคนสงสัยว่าทำไมเมื่อเกิดการ รปห. แล้วจึงต้องการมีฉีกรธน. อันนี้บางคนให้ความเห็นว่าต้องการเขียน รธน.ใหม่เพื่อนิรโทษตัวเอง แต่จริง ๆ หลักการ คือ การ รปห. เองไม่ใช่วิถีทางการเข้าสู่อำนาจการเมืองตามที่ระบุไว้ใน รธน. เพื่อไม่ให้ขัดกันกับ รธน. จึงต้องหยุดประกาศใช้ รธน. นั้น เราจะเห็นว่าเมื่อหลังจากการ รปห. แล้ว มีสภานิติบัญญัติหรือมี ครม. ขึ้นมาโดยไม่ได้มาตามวิธีการที่ระบุไว้ใน รธน. นั่นเอง เป็นเหตุให้ต้องหยุดใช้ รธน. นั้น

ทีนี้มาพูดถึงเมื่อคุณมีอำนาจในการร่าง รธน. ฉบับใหม่แล้ว คุณทำอะไรได้ คำตอบคือคุณสามารถเลือกได้ ว่าการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองของคนกลุ่มถัดไปจะทำอย่างไร ดังนั้นเราจะเห็นว่าทุกครั้งที่มี รธน. ใหม่มันคือโจทย์ที่คณะรัฐประหารได้ตั้งไว้และคาดหวังว่ารัฐบาลต่อมาจะเข้าใจ เรื่องนี้เห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ รธน. ปี 40 เป็นต้นมา เริ่มการที่เกิด Buffet Cabinet ขึ้นเนื่องจากสมัยนั้นเดิมเคยให้มีการลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างอิสระ กลายเป็นว่าเมื่อได้เป็น สส. แล้วกลับเข้ามารวมกันเพียงเพื่อผลประโยชน์โดยปราศจากอุดมการณ์ทางการเมือง รธน. ปี 40 จึงได้เน้นหนักไปที่การผู้สมัครต้องเข้าร่วมพรรคการเมือง พร้อมกับการเลือก สว. เป็นครั้งแรก เมื่อเกิด รปห. ปี 49 ก็มีการร่าง รธน. ใหม่โดยเห็นว่าการให้ประชาชนเลือก สว. นั้นไม่ดีเป็นปัญหาคนที่ได้มาจากวิธีนี้ไม่มีความต่างกับ สส. เมื่อมาปี 57 รัฐบาลก็แสดงให้เห็นถึงความขาดความสามารถและขาดความเข้าใจว่า รธน. นั้นต้องการอะไรจะกลับไปเลือก สว. อีกครั้งจึงเกิด รปห. อีกครั้งตามมา

ทีนี้พูดมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าในเมื่อสามารถคัดคนเข้าสู่อำนาจทางการเมืองได้แล้วทำไมประเทศถึงไม่พัฒนา อันนี้ต้องตอบว่า

  • สิทธิใดที่เคยได้แล้ว รธน. ฉบับใหม่จะไม่เขียนริดรอนสิทธิจะคงสิทธิอย่างนั้นไว้ ดังนั้นการเลือกตั้งเมื่อเป็นการเลือกตั้งโดยทั่วไปแล้ว ย่อมเป็นการเลือกตั้งโดยทั่วไปอีก (การเลือกตั้งโดยทั่วไปคือการเลือกแบบหนึ่งคนหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเสมอกัน)
  • คนส่วนมากเข้าใจผิดว่าการมาจากการเลือกตั้งนั้นดี ดีนั้นต้องแยกว่าดีด้านไหน ดีในด้านการตรวจสอบการเป็นตัวแทนของประชาชน แต่ดีในด้านนั้นไม่อาจรับประกันได้ว่าจะได้คนที่รู้ว่าประเทศจะพัฒนาอย่างไร ซึ่งนี่ต่างหากคือสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศ
  • เมืองไทยเข้าใจผิดว่าการพัฒนาประเทศจะเริ่มจากภายในสู่ภายนอก นี่เป็นสิ่งที่ผิดเพราะประเทศที่สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วนั้นทำกลับกันคือ เริ่มจากมองภายนอกเพื่อพัฒนาสู่ภายใน
  • ดังนั้นโดยสรุปเลยคือ เมื่อประชาชนมีโอกาสร่าง รธน. แล้วจะมัวแต่สนใจเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลหรือการมาจากเสียงประชาชนมากจนไม่เข้าใจว่า การที่ประเทศจะพัฒนาได้เราต้องได้คนที่มีคุณภาพคนที่ทราบว่าจะพัฒนาประเทศอย่างไรต่างหาก ซึ่งหากทำอย่างนั้นไม่ได้ประเทศก็ย่อมไม่สามารถพัฒนาได้
  • ท้ายนี้ผมจะยกตัวอย่างประเทศสองประเทศที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลแต่สามารถพัฒนาได้คือ จีน และสิงคโปร์ทั้งสองประเทศนี้โดยเนื้อแท้เป็นเผด็จการแต่กลับสามารถพัฒนาได้ ตราบใดที่คนไทยยังไม่เข้าใจว่าการพัฒนาประเทศนั้นต้องทำอย่างไรก็จะจมปลักกับความขัดแย้งทางการเมืองโดยเสียเวลาเปล่านั่นแล
Categories: Uncategorized Tags:

ทำไมผมถึงคิดว่าระบบประกันสังคมจะมีปัญหาในอนาคต ?

September 24th, 2020 Comments off

ปัญหาที่จะเกิดกับระบบประกันสังคมคือ เงินจะไม่พอจ่ายบำนาญครับ ทีนี้ต้องเกริ่นก่อนว่าไอ้การที่เราอยากจะมีบำนาญใช้ปกติเราจะทำอย่างไร ?

คือก่อนอื่นเราต้องคิดว่าเราจะเกษียณตอนอายุเท่าไหร่ แล้วจะมีชีวิตทั้งหมดกี่ปีเราจะได้จำนวนปีที่เราต้องมีเงินใช้ แล้วค่อยมาดูว่าเงินทั้งหมดจะเป็นเท่าไหร่ ? แล้วเรามีเวลากี่ปีในการเก็บเงิน

ตัวอย่างเช่น

ถ้าผมจะเกษียณตอนอายุ 55 แล้วคาดว่าตัวเองจะมีอายุถึง 75 และจะใช้เงินเดือนละหมื่น (โดยปกติอายุเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 76 ปีครับตัวเลข 75 นี่เรียกว่าใกล้กับความเป็นจริงมากครับ) ดังนั้นผมจะต้องมีชีวิตไปอีก 20 ปีโดยต้องหาเงินแล้วออมตอนที่ยังทำงานอยู่ ดังนั้น ผมจะต้องมีเงินทั้งหมด 240*10,000=2,400,000 ครับสองล้านสี่แสนบาทครับ

ทีนี้เราได้เงินที่ต้องมีแล้ว ถ้าผมจะมีเวลาออมเงิน 20 ปี แล้วผมจะได้ผลตอบแทนปีละ 4% ผมจะต้องออมประมาณเดือนละ 7,000 บาทถึงจะได้เงินประมาณสองล้านห้าแสนบาทครับ

ทีนี้มาพูดถึงปัญหาที่จะเกิดจากบำนาญของระบบประกันสังคม ประกันสังคมจะจ่ายเงิน 20% ของเงินเดือนถ้าเราจ่ายประกันสังคมครบ 15 ปี ทีนี้ถ้าเราลองสมมติว่าเราเริ่มมีเงินเดือน 6,000 บาท แล้วเงินเดือนขึ้นในอัตราปีละ 10% ไปเรื่อย ๆ จนครบ 15 ปี โดยจะจ่ายจากเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ปัญหาคือเงินที่เราจ่ายให้ประกันสังคมจะเป็นเงินสำหรับบำนาญชราภาพ 6% โดยเก็บมาจากลูกจ้างกับนายจ้างอย่างละครึ่งครับ โดยเก็บมากสุดที่ 900 บาทต่อเดือนครับ

ถ้าเราคำนวนแล้วจะได้เงินออมทั้งหมดประมาณ 160,000 บาท แต่จะจ่ายเงิน 20% ของเงินเดือนสุดท้ายคือ 3,000 บาทตั้งแต่ผมเกษียณตอน 55 ไปจนตาย สมมติง่าย ๆ ว่าต้องจ่ายให้ผม 20 ปี ดังนั้นประกันสังคมจะจ่ายให้ผมทั้งหมด 20*12*3,000 = 720,000 บาทครับ ต่อให้ตัดเรื่องค่าใช้จ่ายกรณีเจ็บป่วยหรือทดแทนการว่างงานยังไงก็จะไม่สามารถเก็บเงินได้ถึง 720,000 บาทได้ครับ คือประกันสังคมจะหาเงินได้น้อยกว่าเงินที่ต้องจ่ายแน่ ๆ ครับ

ปัญหาแบบนี้น่าจะเกิดขึ้นแน่นอนเว้นแต่ว่างประกันสังคมจะแก้ซึ่งอาจจะมีทางออก ดังนี้ครับ

  • เพิ่มระยะเวลาการออมให้มากกว่า 15 ปีก่อนที่จะจ่ายบำนาญ
  • เก็บเงินให้มากขึ้นโดยคงบำนาญที่จะได้เหมือนเดิม โดยอาจจะเพิ่มแค่ส่วนของลูกจ้าง (นายจ้างอาจจะไม่อยากจ่ายเพิ่มทำให้เพิ่มได้แค่ส่วนของลูกจ้าง)
  • ลดบำนาญลงซึ่งคงจะยาก

ปัญหานี้อาจจะยังไม่เกิดเร็ว ๆ นี้แต่ปัญหาจะเริ่มเห็นได้ชัดในอนาคตเพราะว่าโครงสร้างประชากรเปลี่ยนกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ทำให้คนที่เข้าสู่ระบบประกันสังคมในอนาคตต้องต้องแบกคนแก่เป็นจำนวนมาก

ผมเขียนโค้ดคำนวณเงินที่จะเก็บได้ตามนี้ครับ

saving=0
last5=0
sal_start=6000
for y in range(1,16):
for m in range(1,13):
if sal_start >=15000:
month=150000x.06 else: month=sal_startx.06
saving=saving+month
if y>10:
if sal_start>=15000:
last5=last5+15000
else:
last5=last5+sal_start
sal_start=sal_startx1.1

print str(month)+' ', saving=saving1x.04
print '\nyear '+str(y)+' saving '+str(saving)

Categories: Uncategorized Tags:

ปัญหาหลอด LED ที่ไม่มีใครบอก

September 10th, 2020 Comments off

ที่บ้านทำดาวน์ไลท์หลอดส่วนใหญ่เป็น LED ทีนี้มีปัญหาคือ หลอดมักจะเสียบ่อย ๆ อาการเสียที่ว่าคือ

  • เปิดซักพักแล้วไฟกระพริบ อันนี้เกิดจากตัวหลอด LED เองเวลาเปิดใช้งานจะร้อนมาก ๆ เมื่อร้อนตัว LED ความต้านทานจะเปลี่ยนทำให้ไฟไม่พอเลยกระพริบ อาจจะเป็นกับแค่บางยี่ห้อที่เจอคือ SEC เปลี่ยนหลอดใหม่มาก็เจอปัญหาเลยอาจจะเลี่ยงด้วยการไม่ซื้อยี่ห้อนี้
  • ตัวหลอดหมดอายุ เพราะความร้อนจากการใช้งานทำให้แสงออกไม่เต็มที่แบบนี้ไฟติดตลอดไม่มีกระพริบแต่แสงอ่อน ลองถอดออกมาจะเห็นว่าตัวพลาสติกเหลือง อาจจะมีบางจุดแตกออกมา แบบนี้เป็นปีอาจจะเสียแต่ก็ต้องเปลี่ยนที่เจอมาไม่เกินสองปีจะเริ่มมีอาการนี้

โดยสรุปเลยคนที่ทำดาวน์ไลท์ต้องรู้ก่อนว่าหลอด LED เมื่อเปิดใช้งานจะเกิดความร้อนมากความร้อนที่ว่าจะค่อย ๆ ทำให้หลอดเสื่อมจนใช้งานไม่ได้ ซึ่งปัญหาแบบนี้จะไม่เกิดกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ ตัวหลอด LED ราคาพอ ๆ กันกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ซึ่งปีหนึ่งยังไงหลอดแค่ดวงเดียวก็ไม่ประหยัดเท่ากับราคาตัวหลอดหรอกครับ แนะนำให้ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ดีกว่าต้องมาเสียเวลาซื้อหลอดมาเปลี่ยนบ่อย ๆ

Categories: Uncategorized Tags:

ปัญหา Line บนหัวเว่ย

September 3rd, 2020 Comments off

วันนี้มีคนเอาโทรศัพท์มาให้ดูบอกว่าหาชื่อเพื่อนบน Line ไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าทำไมเหมือนกันแต่พอค้น Google ก็เจอกระทู้นี้ครับ
https://pantip.com/topic/40061286

สรุปเลยคือตอนนี้บนหัวเว่ย Line ยังใช้ได้ไม่ 100% ครับ

แอดมินขออนุญาตให้ความช่วยเหลือในส่วนนี้นะคะ

สำหรับแอพลิเคชั่นไลน์มีให้โหลดในapp gallery แล้วนะคะ
แต่จะยังมีฟังก์ชั่นที่ยังไม่สามารถใช้งานได้ดังนี้

  1. Cannot use Search function ไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นค้นหาได้
  2. Cannot backup and restore chat history ไม่สามารถสำรองแชทได้
  3. Cannot share location in chat or moment ไม่สามารถแชร์โลเคชั่นได้
  4. Cannot share youtube link in chat, or cannot play youtube video. ไม่สามารถแชร์ลิงค์youtube ในแชท และไม่สามารถเล่นวิดิโอyoutubeได้
  5. Cannot purchase coin ไม่สามารถซื้อเหรียญได้
  6. Cannot use “scan your card” to add bank card into Line Pay. ไม่สามารถสแกนบัตรเพื่อเพิ่มบัตรธนาคารในline pay ได้

ต้องขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นด้วยนะคะ ทางหัวเว่ยขอน้อมรับข้อเสนอแนะของท่านเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชันไลน์ค่ะ

ทั้งนี้ ทางหัวเว่ยกับไลน์กำลังร่วมมือกันเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันและเเก้ไขจุดบกพร่องของแอปพลิเคชัน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่ให้กับผู้ใช้งานทุกท่านค่ะ

หากมีข้อมูลสอบถามเพิ่มเติมโทรสอบถามได้ที่Huawei call center Thailand:1800-011-113

Categories: Uncategorized Tags:

คนประเภทที่ไม่ควรร่วมงานด้วยและอาจจะไม่ควรร่วมชีวิตด้วย

July 18th, 2020 Comments off

ผ่านชีวิตมาพักใหญ่ก็เห็นว่าคนบางคนมีลักษณะที่ไม่ชวนให้ร่วมงานหรือใช้ชีวิตด้วย นั่นคือคนจำพวกที่ไม่พูดตรง ๆ ว่าตัวเองไม่รู้ คนจำพวกนี้จะไม่บอกว่าไม่รู้แต่ตอบแบบ ไปไหนมาสามวาสองศอกแล้วทำให้คนอื่นเสียเวลาในบางครั้งอาจจะเป็นอันตรายได้ถึงชีวิต

เรื่องมันเริ่มจากผมซื้อโทรศัพท์ feature phone ให้ลูกเอาไปโรงเรียนแล้วหาข้อมูลแล้วเจอว่าต้องใช้ซิมจากแค่สองค่าย ก็เดินไปถามศูนย์ว่าจะซื้อซิมให้กับโทรศพท์ feature phone พนักงานตอบว่า “ซิมรายปีต้องซื้อผ่านเน็ตเท่านั้น” นั่นก็ทำให้ผมงงเพราะตอบไม่ตรงคำถาม เดินเข้าไปถามอีกครั้งก็ยังตอบเหมือนเดิมเลยต้องบอกว่ามาซื้อซิมเผื่อจะเจอคนอื่นบ้าง ผมรอคิวอยู่นานร่วม 40 นาทีได้ เจอพนักงานขายดันให้คำตอบผมไม่ได้อีกว่าซิมจะใช้ได้ไหมสรุปผมเสียเวลาไปสี่สิบนาทีเปล่า ๆ เดินออกถามร้านข้าง ๆ ร้านข้างแค่บอกผมยืมโทรศัพท์หน่อยครับเอาซิมตัวเองใส่ดูว่าใช้ได้ไหมสรุปเสียเงินไป 49 บาท ก็ซิมของเจ้าที่ผมไปถามตอนแรกนั่นแหละครับ

ทีนี้ว่ากันด้วยชีวิตการทำงานเราจะเจอคนแบบนี้เสมอ คนที่ตอบไม่ตรงคำถามเพราะตัวเองไม่รู้แต่ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองไม่รู้ คนแบบนี้ก็เหมือนกันทำให้เราเสียเวลาในการทำงานไปเปล่า ๆ ด้วยความที่ไม่กล้ายอมรับนี่แหละครับ ผมมองว่าเป็นเรื่องแปลกเพราะคนเรามันจะรู้ไปหมดเป็นไปไม่ได้มันต้องมีเรื่องที่ไม่รู้ และเมื่อไม่รู้ก็หาความรู้ให้รู้แค่นั้นเอง คนแบบนี้ทำให้องค์กรที่ตัวเองอยู่มีความเสี่ยงยิ่งอยู่ระดับสูงยิ่งเสี่ยง เสี่ยงที่จะทำให้เสียทรัพยากรไปเปล่า เสี่ยงที่จะไม่ยอมรับว่าเกิดปัญหาแล้วแก้ไข ที่คนแบบนี้ไม่ควรทำงานด้วยไม่ใช่เพราะไม่รู้แต่ไม่สามารถยอมรับว่าตัวเองไม่รู้เพื่อจะไปหาความรู้ได้คนแบบนี้เลยไม่พัฒนา ในวงการเมืองก็มีคนแบบนี้เหมือนกันแต่อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยว่าใครเดี๋ยวจะหาว่าผมอคติเปล่า ๆ

Categories: Self-Change Tags:

สองอย่างที่ช่างพูดแล้วให้สงสัยว่าโดนหลอกไว้ก่อน

May 4th, 2020 Comments off

มีสองเรื่องที่ผมได้ยินช่างพูดแล้วจะเกิดอคติขึ้นมาทันทีว่า หลอกกูอีกละ นั่นคือ

  • น้ำยาแอร์หมดต้องเติมน้ำยาแอร์ อันนี้ไม่น่าจะจริงแน่ ๆ คือต้องเข้าใจก่อนว่าแอร์การทำงานคือมีน้ำยาแอร์เพื่อพาความร้อนจากในห้องหรือในรถออกไปข้างนอกห้องหรือรถแล้วระบายความร้อนออกด้านนอก ตัวน้ำยาแอร์จะอยู่ในท่อไหลไปตามท่อตลอดตัวท่อเป็นท่อปิด ตัวน้ำยาผมเข้าใจว่าเป็นก๊าซที่อุณหภูมิปกตินะครับ คือถ้ามันต้องเติมเนี่ยมันต้องรั่วหรือซึมออกซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเติมโดยไม่หาว่ามันรั่วหรือซึมตรงไหน เวลาช่างบอกว่าต้องเติมนี่ผมหารสิบเลยครับแล้วจะไม่ไปร้านนั้นอีก
  • อีกเรื่องคือต้องเจียรจานเบรค เบรครถที่เราใช้มีจานเหล็กอยู่แล้วมีผ้าเบรคเป็นตัวจับจานเพื่อหยุดรถหลักการก็มีแค่นี้ ถ้าต้องเจียรจานจะเกิดได้เพราะตัวจารเบี้ยวหรือมีหน้าสัมผัสไม่เท่ากันทีนี้มันจะทำให้ผ้าเบรคไปจับจานได้ไม่ดี ซึ่งไอ้การขับรถธรรมดาเนี่ยมันทำให้จานคดไม่ได้ครับ มันเป็นเหล็กนะครับมันไม่ได้เบี้ยวง่าย ๆ เวลาได้ยินแบบนี้ให้ถามเค้าว่าทำไมต้องเจียรเพราะอะไรแล้วดูคำตอบว่าเขาจะตอบอย่างไร เพราะว่าไอ้เครื่องเจียรจานเนี่ยแพงครับแล้วมันไม่ได้ใช้กันบ่อยบางร้านเลยจะยัดเยียดให้เราเจียรให้ได้ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นอะไร

Categories: Uncategorized Tags:

ขับ Grabfood วันแรกเชิงวิเคราะห์

April 5th, 2020 Comments off

ช่วงนี้รายได้ผมลดลงเกินครึ่งก็เลยคิดจะหารายได้เสริมโดยการขับ Grabfood ครับ ตอนแรกก่อนจะประกาศเคอร์ฟิวผมเข้าใจว่า Grab น่าจะยังขี่ได้เพราะเข้าข้อยกเว้น แต่ไม่ใช่ครับวันนี้ Grab ประกาศเวลารับงานเป็นไม่เกินสามทุ่ม ทำให้ผมอาจจะตัดสินไปทำอย่างอื่นแทน

แต่วันนี้จะมาเขียนเรื่องหลัก ๆ เลยคือเรื่องสถิตินิดเดียวจริง ๆ แล้วก็อาจจะเป็นเรื่อง Game theory นิดหน่อย เข้าใจว่ายังไม่มีคนเขียนเรื่องนี้ด้วยการเอาเรื่องพวกนี้ไปจับครับ วันนี้ผมขี่ Grabfood วันแรกทำเงินได้ 40 บาทถ้วนครับ เหตุผลเพราะ

  1. Grab มีค่าลงทะเบียนแรกเข้า 200 บาทครับ
  2. ผมขี่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเข้าใจว่างานไม่ได้เยอะขนาดนั้นครับแล้ว Grabfood Foodpanda นี่แทบจะขับชนกันครับ

มาวันแรกผมเข้าใจว่าขี่ Grabfood หมูแน่ ๆ ได้เงินชัวร์วิธีการของผมก็คือไปรอที่ร้านครับ เพราะหลัก ๆ เลยผมเข้าใจว่าตัว Grab เลือกคนจาก location ที่แชร์ไปคนที่อยู่ใกล้ร้านน่าจะได้งาน เรื่องนี้มีข้อมูล publish อยู่นะครับลองอ่านจากลิงค์นี้ได้ครับ เรื่องต่อมาคือผมออกจากบ้านตั้งแต่แปดโมง แต่ออร์เดอร์แรกเข้าประมาณเก้าโมงกว่า ๆ เพราะฉะนั้นเวลาที่เหมาะจะออกจากบ้านน่าจะเป็นเก้าโมงมากกว่า อันนี้ทำให้ผมเสียเวลาไปชั่วโมงหนึ่งเต็ม ๆ

ออร์เดอร์แรกมาก็ดีใจครับชีวิตมีความหวังเริ่มเห็นหนทางการทำเงินครับ แต่พอเสร็จจากออร์เดอร์แรกอันต่อไปก็ไม่มาครับ อย่างที่ผมบอกครับว่าผมรอหน้าร้าน แต่ตอนที่รอมันดันมีคันอื่นมารับออร์เดอร์ไปแสดงว่ามีปัจจัยอย่างอื่นนอกจากระยะห่างของเราจากร้านครับ ซึ่งเดี๋ยวผมจะอธิบายว่าคืออะไร (ทั้งหมดนี้คือการเดาล้วน ๆ แต่เป็นการเดาแบบมีเหตุผลนะครับ)

ด้วยอย่างที่ผมบอกว่าระหว่างที่รอผมเห็นคันอื่นได้ออร์เดอร์ไปและระหว่างขากลับผมก็เห็นว่าเฮ่ย Grabfood Foodpanda รอเต็มเลยแฮะเกือบสิบคัน จากข้อมูลที่เห็นทำให้ผมคิดว่าเฮ่ย รอตรงนี้ไม่ได้ประโยชน์แน่ ๆ แล้วเราจะเสียเวลาวันแรกไปเปล่าเพราะฉะนั้น ลองหาจุดที่มีร้านอาหารเยอะ ๆ แล้วมีพวก Grabfood น้อย ๆ ดีกว่าก็เลยตระเวนขับไปเรื่อย ๆ ครับแล้วหิวหาลูกชิ้นทอดกินดีกว่าจอดแวะร้านลูกชิ้นทอด กินเสร็จก็มีลูกชิ้นทอดเข้ามาพอดี สรุปเลยช่วงเช้าผมได้งานแค่ 2 งานครับตีเป็นเงินในระบบ 60 บาท เท่ากับผมไม่ได้รับเงินจริง ๆ ซักบาทนะครับแต่แค่เงินในระบบจากติดลบ 200 บาทเหลือ 140 บาท

จริง ๆ ก่อนที่จะขับเห็นว่าจะมี Features heat map ในแอพแต่ผมดูแล้วไม่มีนะครับ เชียงใหม่อาจจะยังไม่มีก็เลยทำให้ค่อนข้างสะเปะสะปะในการหาว่าจะไปอยู่ตรงไหนดี พอช่วงเที่ยงผมพักนิดหน่อยประมาณสองชั่วโมงแล้วค่อยกลับมาวิ่งต่อ แต่ก็เหมือนเดิมครับรอนานมากงานไม่ขึ้น ผมจะถอดใจครับก็ประมาณว่าจะกลับบ้านแต่จังหวะที่กลับบ้านงานดันเด้งครับ ต้องบอกก่อนว่าปกติผมเคยสั่ง Grabfood ไปที่บ้านครับ ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่าแต่จะกลับสองทีงานเด้งสองทีครับ

โดยสรุปเลยนะครับบริษัทได้เปรียบจากการที่มีค่าธรรมเนียมเริ่มต้น 200 บาท เท่ากับว่าคุณต้องทำงานให้เขาฟรี ๆ 200 บาท นี่คือจุดแรกที่บริษัทได้เปรียบคุณ จุดต่อมามันมีสิ่งที่เรียกว่า incentive คือถ้าเราทำงานตามเงื่อนไขเราจะได้เพชรซึ่งเมื่อสรุปวันเพรชที่ว่าจะกลายเป็นเงินครับ แต่ทีนี้ไม่มีใครรู้ว่าเงื่อนไขการแจกงานเป็นอย่างไร คือบริษัทสามารถที่จะแจกงานให้กระจายได้เพื่อที่จะได้ไม่มีใครได้รับเพชรครบตามจำนวนเพื่อทำให้ได้เงินสูงอย่างที่เขาบอกไว้ อย่างที่บอกครับมันเป็น zero sum game บริษัทได้เราจะเสียมันไม่ได้ win win ครับเพราะอย่างนั้นมันเป็นเรื่องยากที่บริษัทจะจ่ายงานให้คุณจนคุณสามารถได้เงินแบบเต็มเหนี่ยวเพราะมันทำให้บริษัทได้เงินน้อยลง แต่ทำไมถึงมีคนออกมาบอกว่าทำได้ เพราะว่ามันมีบางคนทำได้ครับ เวลาที่เราทำงานแบบนี้รายได้ของทุกคนจะออกมาเป็น normal distribution คือมีคนที่ได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยบางส่วน มากกว่าค่าเฉลี่ยบางส่วนในขณะที่คนจะไปกอง ๆ กันอยู่ตรงค่าเฉลี่ย ซึ่งมันแปลว่ามีคนทำได้ไม่ได้แปลว่าคุณจะทำได้ มันต้องอาศัยประสบการณ์ความเข้าใจในกฎของบริษัทว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้รับงานมากที่สุด

อีกเรื่องคือข้อมูลการทำงานเนี่ยบริษัทเองไม่ได้เปิดเผย คือไม่ได้ออกมาบอกว่าคนส่วนใหญ่ทำงานแล้วได้เงินเท่าไหร่ คือเข้าใจใช่ไหมครับการที่ปิดบังข้อมูลบางส่วนทำให้คนเข้ามาในธุรกิจเอง แล้วบริษัทก็จะได้แรงงานฟรี ๆ 200 บาทไปเรื่อย ๆ ตรงนี้เองผมมองว่าพวกธุรกิจแบบนี้ต้องมีกฎหมายบังคับให้ออกรายงานประจำปีว่ารายได้คนส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน ทำออกมาเป็น normal distribution curve เลยเพื่อให้คนสามารถตัดสินใจได้ว่ามันคุ้มค่าที่จะทำไหม

โดยสรุปเลยถ้าคุณเพิ่งขับ Grabfood วันแรกเขาจะใช้คุณจนคุ้มค่า 200 บาทครับ ถ้าทำท่าจะถอดในอาจจะป้อนงานให้อีกหน่อยเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะทำอย่างต่ำในกรอบ 200 บาทครับ แต่ถ้ามีใครจะทำเงินได้มากเกินไปเขาจะเริ่มจ่ายงานให้คนอื่นครับ ผมตั้งใจว่าจะลองอีกซักหน่อยดูว่าพอพ้นวันแรกไปแล้วจะเป็นอย่างไร รายได้จะเป็นอย่างไรสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำไหม ซึ่งเอากันตรง ๆ รายได้พวกนี้ควรจะอยู่แถว ๆ รายได้ขั้นต่ำไม่งั้นคนก็ไม่มาขับเพราะไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่ผมบอกเลยถ้าคุณมีทางเลือกมีทางทำเงินที่ดีกว่านี้ผมแนะนำเลยให้ทำไปอย่างอื่นดีกว่าครับ อย่ามาทำงานทั้งวันที่ไม่รู้ว่าคุณจะได้เงินถึง 300 บาทหรือเปล่าเลยครับ

Categories: Self-Change Tags:

3 สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากวิกฤต COVID-19

April 3rd, 2020 Comments off
  1. ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน บางสิ่งที่เราไม่คาดว่าจะเกิดใช่ว่าจะไม่เกิด ก่อนหน้านี้หลังการมาของ shale gas ทำให้ราคาน้ำมันตกทำให้ผมคิดว่าวิศวฯ ปิโตรกลายเป็นสาขาที่เสื่อมความนิยมลงธุริจเกี่ยวกับน้ำมันไม่แน่ว่าต้องใช้เวลาปีอีกปีถึงเฟื่องฟูอีกครั้ง แต่ราคาน้ำมันก็กลับมายืนที่ 50 USD ได้แต่วันนี้ที่ผมเขียนราคาน่าจะอยู่ราว ๆ 20 USD เพราะซาอุไม่ยอมลดกำลังการผลิต ตอนนั้นผมคิดว่านักบินนี่ซิคืออาชีพที่ควรเป็นเพราะแน่นอนยังไงคนก็ต้องบินโลกเราขาดนักบินไม่ได้ แต่วันนี้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ไม่มีเที่ยวบินขึ้นลงจากต่างประเทศแม้แต่เที่ยวบินเดียว นี่ทำให้ผมคิดได้ว่าความเชื่อที่ว่าอาชีพนั้นมั่นคงแบบถาวรตลอดไปเป็นเรื่องไม่จริง หลังจากที่เกิดความกลัวว่าโรคจะแพร่ระบาดทำให้สายการบินต้องหยุดบินเพื่อปกป้องคนในองค์กร ข้อนี้ทำให้ผมคิดได้ว่าไม่ว่าอาชีพอะไรก็ต้องมีทางหนีทีไล่ ต้องมีทักษะอื่นที่งอกออกมานอกจากงานประจำของเรา
  2. เราต้องมีสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำที่มีความคล่องตัวสูงซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเงินไว้ใช้จ่ายในเวลาวิกฤตได้ วิกฤตครั้งนี้ทำให้ผมต้องเวรคืนกรมธรรม์มาใช้จ่ายก่อนยังดีที่น่าจะเท่าทุน แต่ตรงนี้ทำให้ผมคิดว่าการทำประกันออมทรัพย์เป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย เสียเวลาในการลงทุนโดยได้ดอกผลน้อย การเวรคืนอาจจะใช้เวลา 14 วันซึ่งนานมาก ๆ เมื่อเทียบกับการฝากสหกรณ์ในรูปแบบบัญชีออมทรัพย์ กรมธรรม์นี้ผมจ่ายมาทั้งหมด 10 ปี ได้เงินคืนมาราว ๆ 67,000 บาทโดยไม่รวมปันผล ถ้ารวมนี่จะเท่ากับว่าผมเสียเวลา 10 ปีไปแทบจะเปล่า ๆ โดยหากเปลี่ยนเป็นการฝากออมทรัพย์สหกรณ์ผมจะได้ดอกเบี้ยราว ๆ 13,000 บาท ข้อดีอีกอย่างคือความคล่องตัวสูงว่าสามารถถอนได้ในวันจันทร์-ศุกร์ ไม่ต้องทำเรื่องให้วุ่นวาย โดยสรุปแล้วผมเลยคิดออกว่าเงินที่เราฝากนั้นไม่จำเป็นต้องฝากทุกเดือนเพียงแต่ฝากรายปี ๆ ละ 1 หมื่นเป็นเงินสำรองยามฉุกเฉินก็พอ เงินส่วนอื่นก็เอาไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อที่จะให้ดอกผลในระยะยาวจะดีกว่า
  3. คนมักกลัววิกฤตแต่ในวิกฤตมีโอกาสเสมอ ผมเห็นความถอดถอยในตลาดทุน ทั้ง ๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นเรื่องชั่วคราว หลาย ๆ คน แนะนำให้ถอนเงินสดออกมาจากตลาดทุนแต่ผมกลับเห็นตรงกันข้ามคือต้องใส่เงินเข้าไปในเวลานี้เพื่อให้ต้นทุนถูกลง ดัชนีตลาดฯจากพันปลาย ๆ ตกมาเหลือเกือบพันถ้วนถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเก็บหน่วยลงทุนในราคาถูก แต่ขณะเดียวกันก็เห็นว่าการลงทุนใน RMF เองทำให้พลาดโอกาสที่จะทำกำไรอย่างมหาศาลไปถ้าผมไม่กลัวเรื่องการคืนเงินภาษีคงเปลี่ยนหน่วยลงทุนเป็นเงินสดก่อนหน้านี้แล้วช้อนซื้อในช่วงที่ราคาถูกจริง ๆ ข้อนี้ยังพันกับข้อที่ 2 ด้วยตรงที่เงินที่ใช้ในเวลาฉุกเฉินสามารถเปลี่ยนเป็นเงินลงทุนในวิกฤตได้ด้วยเช่นกัน ทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนในระยะยาวได้
Categories: Self-Change Tags:

ใครต้องจ่ายเงินเดือนให้กรณีห้างร้านปิดเพราะ COVID-19

March 29th, 2020 Comments off

อันนี้เป็นปัญหาทางกฎหมายนะครับ เพราะว่ามีห้างร้านที่ต้องปิดเนื่องมาจากคำสั่งรัฐบาลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เช่น ห้างสรรพสินค้า

กรณีนี้ว่าตามกฎหมายแพ่งการทำงานแล้วได้รับเงินเดือนนี่เป็นหนี้ต่างตอบแทนนะครับ คือพนักงานอยู่ในสถานะเป็นทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้และในทางเดียวกันห้างร้านเองก็เป็นทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ไปในตัว พนักงานมีหน้าที่ทำงานให้และห้างร้านมีหน้าที่จ่ายเงินเดือนตอบแทนงานที่พนักงานที่ได้ทำไป ในกรณีที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ชำระหนี้อีกฝ่ายย่อมสามารถปฏิเสธการชำระหนี้ได้เช่นกัน คือ เมื่อเหตุดังกล่าวไม่ได้เป็นความผิดของทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ห้างร้านย่อมไม่ต้องจ่ายเงินเดือนเนื่องจากพนักงานไม่ได้ทำงานให้

แต่ทางรัฐบาลเองก็ออกมาบอกว่าสามารถรับเงินจากการทุนประกันสังคมได้ ในกรณีนี้คือก็ต้องไปรับเงินกับทางกองทุน แต่ไม่มีสิทธิที่จะไปเรียกร้องกับทางห้างร้านที่จ้างคุณได้ คนที่ห้างร้านยินดีจ่ายเงินให้เต็มเหมือนคุณทำงานให้นี่โชคดีมาก ๆ นะครับ

Categories: laws Tags: